(662) 964 4907-14

|

(662) 964 4915

|

สารลดแรงตึงผิวในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
03/12/2010
อนุมูลอิสระ (free radical) และสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress)
06/12/2010
สารลดแรงตึงผิวในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
03/12/2010
อนุมูลอิสระ (free radical) และสภาวะความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress)
06/12/2010

สารต้านอนุมูลอิสระ (ANTIOXIDANT)

  เอนไซม์และสารเคมีต่างๆ ที่ร่างกายสัตว์สร้างขึ้นนั้นมีปริมาณจำกัด ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยสารต้านอนุมูลอิสระจากแหล่งภายนอกร่างกาย เช่น อาหาร เพื่อรักษาสมดุลต่างๆ ในร่างกายให้ดำเนินต่อไปได้อย่างปกติ ด้วยกลไกคือ quenching oxygen reaction หรือปฏิกิริยาที่ลดพลังงานอิเล็คตรอนของออกซิเจนทำให้ไม่ไวต่อการเกิดปฏิกิริยาจับกับสารอื่น เป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ และ chain breaking reaction หรือปฏิกิริยาที่เกิดหลังจากมี ROS แล้ว เป็นการตัดปฏิกิริยาที่เกิดต่อเนื่องของ ROS ไม่ให้มีมากขึ้น (นัยนา, 2546) สารต้านอนุมูลอิสระ ที่พบในธรรมชาติมีหลากหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, วิตามินอี, วิตามินซี กลูตาไทโอน และสารประกอบฟีนอลิค เป็นต้น

  วิตามินเอ ในรูปของเบต้าแคโรทีน (β-carotene) ซึ่งมีคุณสมบัติการละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นจึงสามารถเข้าไปออกฤทธิ์ในการหยุดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันที่เยื่อหุ้มเซลล์ โดยมีกลไกเช่นเดียวกับวิตามินอี คือจะเป็นตัวให้อะตอมไฮโดรเจน (AntH) กับอนุมูลอิสระลิปิดเปอร์-ออกซี (LOO) และอนุมูลอัลคอกซิล (ROO) จากนั้นเบต้าแคโรทีนก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่ไม่อันตรายต่อเซลล์ (Ant) (แสดงในภาพที่ 1) และขับออกจากร่างกาย (เสาวนีย์, 2542; นงนภัส, 2551)

ภาพที่ 1 กลไกการหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ของสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่มา: นงนภัส (2551)

  วิตามินซี มีบทบาทในการเข้ามาช่วยรีดิวซ์วิตามินอีให้กลับมาอยู่ในรูปเดิม โดยการให้ไฮโดรเจนอะตอมกับวิตามินอี ซึ่งส่งผลให้วิตามินอีกลับมามีประสิทธิภาพในการหยุดปฎิกิริยาลูกโซ่อีกครั้ง กรดแอสคอร์บิกที่ผ่านการรีดิวซ์จะกลายเป็นกรดดีไฮโดรแอสคอร์บิกที่ไม่พร้อมทำงาน จากนั้น กลูตาไทโอนในร่างกายจะทำหน้าที่รีดิวซ์กรดดีไฮโดรแอสคอร์บิกให้กลับไปเป็นกรดแอสคอร์บิกที่พร้อมทำงานเช่นเดิม (Lauren, 2008) (ดังแสดงในภาพที่ 2) วิตามินซีมีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดีจึงช่วยในการทำลายอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์เติมออกซิเจนก่อนที่จะเข้าจับเยื่อหุ้มเซลล์ เพื่อไม่ให้สารเหล่านี้เข้าทำลายเซลล์ รวมทั้งสารที่ผลิตออกมาขณะเกิดกระบวนการการจับกินสิ่งแปลกปลอม (phagocytosis) และวิตามินซีมีความสามารถในการป้องกันการทำลายสภาพธรรมชาติ (denature) ของเซลล์ที่เกิดขึ้นจากสารก่อออกซิเดชันเหล่านั้น และมีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกัน (Stankova et al., 1975)

   นอกจากนี้สารประกอบฟีนอลิค ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่มีโครงสร้างเป็นวงแหวนอะโรมาติก (aromatic ring) ที่มีหมู่ไฮโดรซี อย่างน้อย 1 หมู่ จึงสามารถละลายน้ำได้ สารประกอบฟีนอลิคที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ กรดฟีนอลิค ฟลาโวนอยด์ และแทนนิน ซึ่งมีความสามารถในการยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระตัวใหม่ในปฏิกิริยาลูกโซ่ โดยขัดขวางการดึงอะตอมไฮโดรเจนจากโมเลกุลข้างเคียง ทำหน้าที่เป็นตัวรีดิวซ์และกำจัดออกซิเจนที่อยู่ในรูปแอคทีฟ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ในการดักจับไอออนของโลหะไว้ในโมเลกุล เช่น เหล็ก และทองแดง ซึ่งในปฏิกิริยาที่มีโลหะไอออนจะเป็นการเร่งการสลายโมเลกุลของไฮโดรเปอร์ออกไซด์ เป็นการทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น

ภาพที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินอี วิตามินซีและกลูตาไทโอน
ที่มา: Lauren (2008)

ภาพที่ 3 การยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระตัวใหม่ในปฏิกิริยาลูกโซ่ของฟลาโวนอยด์
ที่มา: Pietta (2000) 

ภาพที่ 4 ตำแหน่งการดักจับไอออนโลหะของฟลาโวนอยด์
ที่มา: Pietta (2000)

เอกสารและสิ่งอ้างอิง

นัยนา บุญทวียุวัฒน์. 2546. ชีวเคมีทางโภชนาการ. ซิกม่า ดีไซน์กราฟฟิก จำกัด, กรุงเทพฯ
นงนภัส ดวงดี. 2551. สารต้านอนุมูลอิสระ. บทความกรมวิทยาศาสตร์บริการ. , 18 พฤษภาคม 2553.
เสาวนีย์ จักรพิทักษ์. 2542. หลักโภชนาการปัจจุบัน. ไทยวัฒนาพานิชจำกัด, กรุงเทพฯ.
Lauren, A.T. 2008. Antioxidant deficiencies in hospitalized dogs and cats. World Small Animal
Veterinary Association. ,March 18, 2010.
Pietta, P.G. 2000. Flavonoida as antioxidants. J. Nat. Prod. 63: 1035-1042.
Stankova, L., N.B. Gerhardt, L. Nagal and H.R. Bigley. 1975. Ascorbate and phagocyte function. Infect. Immunol. 12(2): 252-256.