(662) 964 4907-14

|

(662) 964 4915

|

โรคระบาดในไก่ในช่วงฤดูร้อนที่ควรพึงระวัง
23/07/2014
ความสำคัญของแร่ธาตุต่อการผลิตสัตว์
27/10/2015
โรคระบาดในไก่ในช่วงฤดูร้อนที่ควรพึงระวัง
23/07/2014
ความสำคัญของแร่ธาตุต่อการผลิตสัตว์
27/10/2015

โรคผิวหนังที่แผ่นเท้า (FOOT PAD DERMATITIS, FPD) หรือ FOOT BURN สำคัญอย่างไรต่ออุตสาหกรรมไก่เนื้อ

โรคผิวหนังที่แผ่นเท้า (Foot pad dermatitis, FPD) คืออะไร มีความรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกอย่างไร เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน

   ปัจจุบันการเลี้ยงไก่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การจัดการต้องดีและมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อาทิเช่น สายพันธุ์ไก่ อาหาร โรงเรือน และการควบคุมและป้องกันโรค ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ ได้ไก่ส่งตลาดในเวลาที่กําหนด และไก่มีน้ำหนักดีตรงตามเป้าการผลิต รวมทั้งมีต้นทุนการผลิตต่ำสุด แต่อย่างไรก็ตาม การใช้สายพันธุ์ไก่ที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงนั้น อาหารและสิ่งแวดล้อมต้องสอดรับซึ่งกันและกัน เพราะสิ่งที่เราพบเสมอ คือ พันธุกรรมไก่ดี แต่การเจริญเติบโตไม่ดี และมักพบว่าไก่มักมีปัญหาเรื่องสุขภาพขาและโรคผิวหนังที่แผ่นเท้า เหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากการจัดการโรงเรือนได้ไม่ดี ซึ่งโรคนี้ถือเป็นโรคที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ เพราะส่งผลด้านคุณภาพซาก ความปลอดภัยด้านอาหาร สวัสดิภาพของสัตว์ และผลกำไรที่จะได้รับ

   กรมปศุสัตว์เผยสถานการณ์เศรษฐกิจการปศุสัตว์ของสินค้าประเภทไก่เนื้อและผลิตภัณฑ์ ปี 2557 ว่าการผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 13 % คิดเป็น 2.132 ล้านตัน ส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 17 % โดยมีเป้าหมาย 630,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 78,000 ล้านบาท ด้วยการผลิตเนื้อสัตว์ปีกสดของไทยที่ได้มาตรฐานสากล มาตรการควบคุมโรคระบาดสัตว์ และการตรวจรับรองสินค้าปศุสัตว์ที่เข้มงวดของกรมปศุสัตว์ ทำให้ประเทศคู่ค้าที่สำคัญมีความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า และเปิดตลาดเนื้อสัตว์ปีกสดให้ไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555

ตลาดหลัก : ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ลาว และเยอรมนี
ตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูง : สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ฟินแลนด์ พม่า และแคนาดา เป็นต้น

 

โดยโครงสร้างสินค้าส่งออกชิ้นส่วนไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ประกอบด้วย ไก่แปรรูป 90% และไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง 10% ปร ะกอบด้วย เนื้ออก น่อง ปีก และอวัยะเครื่องใน เป็นต้น และในปัจจุบันเราจะพบว่าทั้งตลาดภายในและต่างประเทศยังมีความต้องการชิ้นส่วนของตีนไก่นอกเหนือจากเนื้ออกและปีก อีกทั้งมีราคาสูงอีกด้วย โดยราคาในตลาดบ้านเราเฉลี่ยกิโลกรัมละ 75 บาท (ดังกราฟที่ 1)

กราฟที่ 1 ราคาเฉลี่ยตีนไก่ในแต่ละเดือนของปี 2557
ที่มา: http://www.taladsimummuang.com/dmma/portals/pricelistitem.aspx?id

สาเหตุของโรค (Foot pad dermatitis, FPD) หรือ Foot burn คืออะไร?

ความชื้นในวัสดุรองพื้นสูง และมีคุณภาพต่ำ เป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อการเกิดโรค FPD ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในไก่ทุกช่วงอายุ โดยมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องและส่งผลให้ความชื้นสูงขึ้น ได้แก่ การจัดการวัสดุรองพื้นไม่ดี การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การระบายอากาศ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ อาหาร ความหนาแน่นของฝูง สุขภาพของไก่ทั้งฝูง และการรั่วไหลของระบบน้ำ

วิการของโรค FPD?

เกิดแผลอักเสบและเนื้อตายที่อุ้มเท้า นิ้ว น่อง รวมทั้งอกของไก่ อาการเริ่มแรกผิวหนังมีลักษณะเหมือนเนื้อตาย ซึ่งนำไปสู่อาการบวม แดง และเกิดความร้อนใต้ผิวหนัง วิการของโรคที่รุนแรงจะทำให้ไก่เจ็บที่เท้า เดินไม่ได้ อัตราการเจริญเติบโตลดลง นอกจากสร้างความสกปรกแล้วยังเหนี่ยวนำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียตามมา

สวัสดิภาพของสัตว์

ปัญหาผิวหนังที่แผ่นเท้าในไก่เป็นปัญหาที่มีมานาน และกลายเป็นจุดสนใจในการอภิปรายเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ และสวัสดิภาพสัตว์ ด้านความปลอดภัยของอาหาร และคุณภาพซาก บางประเทศในยุโรปใช้โรคผิวหนังที่แผ่นเท้า เป็นตัวชี้วัดสวัสดิภาพในการผลิตไก่เนื้อ (Council Directive 2007/43/European Council, 2007) ตามระบบ Berk’s tree-step scoring ในหน่วยเปอร์เซ็นต์ โดยที่

Score เท่ากับ 0 หมายถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เท้า
Score เท่ากับ 1 หมายถึงเกิดโรค hyperkeratosis เช่น เกิดตุ่มพองหนาที่ผิวหนัง หรือรอยแผลตื้น
Score เท่ากับ 2 หมายถึง เกิดโรครุนแรงและมีรอยแผลลึก

แนวทางการป้องกันปัญหาโรค FPD ในฟาร์ม?

1.การจัดการวัสดุรองพื้น การลดปริมาณความชื้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และควบคุมระดับความชื้นในวัสดุรองพื้นไม่สูงเกิน 30% ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ควรคำนึง.....
a. ชนิดของวัสดุรองพื้น: ควรเลือกชนิดที่ดูดซึมน้ำ ความชื้นได้ดี ไม่เป็นฝุ่น และสะอาด ซึ่งแกลบมีคุณสมบัติที่ดีสำหรับใช้เป็นวัสดุรองพื้น
b. ความหนาของวัสดุรองพื้นต้องเหมาะสม อย่างน้อยควรหนาประมาณ 1 นิ้ว
c. ตรวจสอบการรั่วไหลของอุปกรณ์ให้น้ำ ปรับให้มีระดับที่สูงพอเหมาะกับความสูงของไก่ในแต่ละระยะ มีอุปกรณ์ให้น้ำที่เพียงพอ และน้ำต้องสะอาด

2. อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และการระบายอากาศเป็นปัจจัยที่สามารถลดความชื้นของพื้นโรงเรือนในระหว่างวัน โดยต้องรักษาความชื้นสัมพัทธ์ให้อยู่ที่ระดับ 50-70%
a. ค่า %RH ต่ำกว่า 50% วัสดุรองพื้นแห้ง และเกิดฝุ่นสูง
b. ถ้าค่า %RH สูงกว่า 70% เป็นระยะเวลายาวนานในรอบวัน จะส่งผลให้วัสดุรองพื้นจับตัวเป็นก้อน

3. อาหารและคุณค่าของโภชนะ วัตถุดิบอาหารสัตว์ และโปรแกรมการให้อาหาร มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพและการเจริญเติบโต ซึ่งความไม่สมดุลของอาหารหรือวัตถุดิบที่ใช้มีคุณภาพต่ำ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งต่อการเพิ่มปริมาณการกินน้ำของไก่
a. ระดับของโปรตีนและความสมดุลของกรดอะมิโน ให้เพียงพอต่อความต้องการของสัตว์ในแต่ละระยะ
b.กลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่แป้ง (NSP) แหล่งโปรตีนจากพืช จะเพิ่มความหนืดและ pH ในมูล ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อเท้าที่เป็นแผล
c. ปรับสมดุลของแร่ธาตุ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม เนื่องจากระดับแร่ธาตุในอาหารสูงเกินความต้องการของไก่ ทำให้ไก่จะกินน้ำเพิ่มขึ้น
d. ลักษณะทางกายภาพของอาหาร: อาหารผงจะเพิ่มปริมาณการกินน้ำมากกว่าอาหารเม็ด

4. สุขภาพสัตว์ ควรมีโปรแกรมวัคซีนและยาให้เหมาะสม

5.ความหนาแน่นของฝูงมาตรฐานความหนาแน่นของประชากรไก่เนื้อ คือ 34 kg/m2

6.ลดก๊าซแอมโมเนีย
a. การปรับระดับความสมดุลของโปรตีนและกรดอะมิโนให้เหมาะสมกับอายุไก่ในแต่ละระยะ มีผลทำให้ระดับปริมาณไนโตรเจนในวัสดุรองพื้นลดลง ซึ่งส่งผลให้ความเข้มข้นของก๊าซแอมโมเนียลดลง
b. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อปริมาณก๊าซแอมโมเนียในวัสดุรองพื้น ได้แก่ ค่าความเป็นกรด - ด่าง ( pH ) ของวัสดุรองพื้น ถ้าสภาพของวัสดุรองอยู่ในสภาวะกรดเล็กน้อย จะช่วยลดจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายกรดยูริคในวัสดุรองพื้น ส่งผลต่อการระเหยของก๊าซแอมโมเนียในบรรยากาศลดลง
c. อุณหภูมิของวัสดุรองพื้นมีผลต่ออัตราการสลายตัวและการเคลื่อนย้ายก๊าซแอมโมเนียจากวัสดุรองพื้นไปสู่อากาศ การระเหยของก๊าซแอมโมเนียเพิ่มตามระดับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น
d. การเติมซีโอไลท์ในอาหารร่วมกับการใช้ยากำจัดกลิ่นพ่นบริเวณวัสดุรองพื้น มีผลช่วยให้ปริมาณแอมโมเนียในวัสดุรองพื้นลดลง
e. การใช้สารปรับปรุงสภาพของวัสดุรองพื้น เช่น Ferrous sulfate , Aluminum sulfate (Alum) , Aluminum chloride, Alum + CaCO3 , Aluminum chloride + CaCO3 และ Essential oil + CaCO3 สามารถช่วยให้ปริมาณก๊าซแอมโมเนียในวัสดุรองพื้น

เดลต้าเซค (DELTASEC) ผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่จากธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ถูกนำมาใช้เพื่อลดปริมาณความชื้น ก๊าซแอมโมเนีย ไล่แมลง และกำจัดเชื้อโรคในโรงเรือน เช่น ฟาร์มไก่เนื้อ เป็ด ไก่งวง สุกร และโค

DELTASEC ใช้อย่างไร ?

ใช้โรยลงบนวัสดุรองพื้น โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และคลุกตัวลูกสัตว์ เป็นต้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่ในการดูดซับของเหลว ซึ่งจะทำให้ประหยัดการใช้วัสดุรองพื้น และช่วยยืดอายุการใช้งานของวัสดุรองพื้นให้ยาวนาน รายละเอียดผลิตภัณฑ์แสดงดังตารางที่ 1

คุณสมบัติและคุณประโยชน์
ส่วนประกอบ วัตถุดิบจากธรรมชาติ (ปราศจากไดออกซินและ GMO) แร่ธาตุ สารหอมระเหย (ยูคาลิปตัส, การบูร) สาหร่ยทะเล และสารสกัดจากยัคคา (Yucca Schidigera)
ลักษณะผลิตภัณฑ์ ผงสีขาว กลิ่นยูคาลิปตัส และการบูร
ความปลอดภัยสูง มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ ปราศจากไดออกซิน ปราศจาก GMO สามารถใช้มือสัมผัสได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ตัก ไม่มีสารเคมี (สัตว์สามารถกินได้)
pH (ที่ความเข้มข้น 10% เมื่อเจือจางด้วยน้ำ) 6.5 %
ความสามารถในการดูดซับของเหลว 3,100 ml (310% ต่อน้ำาหนัก) หรือ DELTASEC 1 กิโลกรัม สามารถดูดซับของเหลวได้ 2 ลิตร ในเวลา 2 - 3 นาที
ลักษณะการจับตัวเมื่อสัมผสของเหลว จับตัวเป็นเม็ดเล็กๆ/ก้อนไม่เป็นโคลนลื่นเมื่อสัมผัสกับของเหลว สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ น้ำมันระเหยช่วยไล่แมลงและยับยั้งแบคทีเรีย ได้แก่ - แบคทีเรียแกรมบวก เช่น Staphylococcus aureus, Micrococcus Luteus, Enterococcus Faecalis และ Clostridium difficile
- แบคทีเรียแกรมลบ เช่น Escherichia coli, Salmonella typhimurium และ Pseudomonas spp.
- แบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ Haemophylus influenza, Streptococcus pneumoniae และ Streptococcus pyogenes - เชื้อรา
** (ทดสอบแบบ in vitro โดย epidemiologic labs (ฝรั่งเศส)
ประสิทธิภาพในลดแอมโมเนีย สารสกัดยัคคา ช่วยลดก๊าซแอมโมเนีย ควบคุมอุณหภูมิของวัสดุรองพื้นให้ต่ำกว่า 30 ℃
ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม
อายุการจัดเก็บ 1 ปี

การใช้ DELTASEC ในสัตว์ปีก?

ไก่งวง :40 กรัมต่อตารางเมตร สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2-10

เป็ด :40 กรัมต่อตารางเมตร สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2-10
- โรยบนสิ่งปูรอง : 50 กรัมต่อตารางเมตรทุกวัน ตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์ ที่ 12
- ในกรง : 30 กรัมต่อตารางเมตรทุกวัน ตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์ ที่ 12

การใช้ DELTASEC ในสุกรและโค ?

แม่สุกร : 50 กรัมต่อตารางเมตรในบริเวณที่จะคลอดลูก

ลูกสุกร: 70 กรัมต่อตารางเมตร สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง บริเวณที่นอนลูกสุกรหรือคลุกบนตัวลูกสุกรหลังคลอดเพื่อให้ตัวลูกสุกรแห้งเร็วขึ้น และลดการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย (1 ถุง ใช้คลุกตัวลูกสุกรได้ 300 ตัว)

สุนัข/แมว : 50 กรัมต่อตารางเมตร สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

โคนม: ลดการปนเปื้อนแบคทีรีย และลดความเสี่ยงของโรคเต้านมอักเสบ

โรงเรือนโคนม: 300 กรัม/ตัว 3 ครั้ง/สัปดาห์ พื้นคอก130 กรัม/ตัว/วัน

ประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์ DELTASEC
1. ลดความชื้น
2. ลดการติดเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อโรค
3. สภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้น เนื่องจากก๊าซแอมโมเนียโนโรงเรือนลดลง
4. สัตว์มีสุขภาพดี
5. ปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ

เอกสารอ้างอิง

ตลาดสี่มุมเมือง. 2557. [ออนไลน์]
Department of Environment, Food and Rural Affairs. 2004. Poultry litter management.
Puzant Dakessian. 2008. Broiler Foot health controlling foot pad dermatitis.
Animal Welfare Approved. 2009.Foot pad dermatitis in poultry. [ออนไลน์]
Bilgili S.F., Hess J. B., Donald J. and Fancher B. 2010.2010. Practical considerations for reducing the risk of pododermatitis.
Ingrid debJong and Jan van Harn. 2012.Management tools to reduce footpad dermatitis in broilers.